Lifestyle & Inspiration

LGBTQ+ วางแผนกู้ ชวนมาอยู่คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ จากเมเจอร์ฯ

June 1, 2023
LGBTQ+ วางแผนกู้
ชวนมาอยู่คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ จากเมเจอร์ฯ


230520_Content_LGBT-Home-Loan_Blog01.png
ในเดือนมิถุนายนนี้ เรียกว่าเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจ และการเฉลิมฉลองของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ “Pride Month” ในยุคที่มุมมองในการใช้ชีวิตเปิดกว้าง เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ไม่ว่าใครๆ ก็อยากจะมีความมั่นคงลงหลักปักฐานซื้อที่อยู่อาศัยสักหลังกันใช่มั้ยล่ะ การวางแผนซื้อบ้านหรือคอนโดอยู่ด้วยกัน อาจจะไม่ได้มีเพียงแค่คู่ชาย-หญิง หรือคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ยังมีเพื่อนหรือคู่ชีวิต LGBTQ+ คู่รักเพศเดียวกันที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อเป็นสถานที่ที่พร้อมจะดูแลกันและกันตลอดไป แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีกฎหมายรองรับการจดทะเบียนของคู่รัก LGBTQ+ ในไทย แต่กลุ่ม LGBTQ+ ยังสามารถทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกันได้ อย่างการกู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโด ซึ่งก็มีหลายธนาคารที่สนับสนุนให้ผู้กู้กลุ่มดังกล่าวสามารถขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยกำหนดเงื่อนไขในการให้สินเชื่อที่แตกต่างกัน

นอกจากนี้ ด้วยไลฟ์สไตล์และวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ คู่รัก LGBTQ+ หลายคู่ ที่ใช้ชีวิตร่วมกัน เริ่มนิยมนำ "สัตว์เลี้ยง" เข้ามาเป็นสมาชิกคนที่ 3 ไว้เป็นที่พึ่งพิงและเติมเต็มชีวิตครอบครัวยุคใหม่ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น หากว่าคุณและคู่รัก กำลังมองหาที่คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้เหมือนกับคอนโดเมเจอร์ฯ วันนี้เรารวบรวมวิธีการเตรียมตัวและหลักฐานที่ต้องใช้ในการกู้ร่วม จะมีอะไรบ้าง ไปดูรายละเอียดพร้อมกันเลย

230520_Content_LGBT-Home-Loan_FB02.png
ในเรื่องของขั้นตอนการยื่นเรื่องของกู้ร่วมของคู่รัก LGBTQ+ นั้น ก็จะเหมือนกับการกู้ร่วมแบบคู่รักชาย-หญิง ปัจจุบันจะมีหลายธนาคารที่เปิดให้คู่รัก LGBTQ+ สามารถกู้ร่วมสินเชื่อบ้านได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกธนาคาร โดยให้คุณสามารถเข้าไปติดต่อกับทางธนาคารที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้คู่รัก LGBTQ+ สามารถกู้ร่วมกันได้ เช่น ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคาร UOB, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารออมสิน ฯลฯ ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป แต่คุณสมบัติหลักๆ พื้นฐานในการขอกู้ร่วมก็จะคล้ายกัน อีกทั้งการสอบถามหลายๆ ธนาคารยังช่วยในเรื่องการเปรียบเทียบดอกเบี้ยไปในตัวด้วย

230520_Content_LGBT-Home-Loan_FB03.png
หากคู่ของเราเลือกโครงการบ้านหรือคอนโดที่ตั้งใจจะถือครองกรรมสิทธิ์ร่วมกันแล้ว ขั้นตอนถัดไปก็จะต้องเตรียมเอกสารเพื่อประกอบการยื่นกู้ร่วม เบื้องต้นมีดังนี้
 

เอกสารส่วนบุคคล

  • บัตรประชาชน
  • ทะเบียนบ้าน
  • ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)

เอกสารทางการเงิน

  • หนังสือรับรองเงินเดือน
  • สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน
  • สมุดบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน

230520_Content_LGBT-Home-Loan_FB04.png

นอกจากการเตรียมเอกสารส่วนตัว และเอกสารด้านการเงินแล้ว เอกสารอีกส่วนหนึ่งที่คู่รัก LGBTQ+ จำเป็นจะต้องยื่นให้กับทางธนาคารด้วยเช่นกัน ก็คือ เอกสารที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในลักษณะของคู่รัก เพื่อให้การพิจารณาการกู้ร่วมผ่านได้ง่ายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

  • รูปถ่ายงานมงคลสมรส เช่น บรรยากาศภายในงาน ช่วงทำพิธี เป็นต้น (ในกรณีที่มีการจัดงาน)
  • ทะเบียนบ้านที่มีชื่อของทั้งสองคน เพื่อยืนยันกับทางธนาคารว่าบุคคลทั้งสองอาศัยอยู่ร่วมกันแล้ว
  • รูปภาพที่ยืนยันว่าทั้งสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆ
  • เอกสารยืนยันการทำธุรกิจร่วมกัน (ถ้ามี)
  • เอกสารในการกู้ซื้อทรัพย์สินอื่นร่วมกัน เช่น รถยนต์ (ถ้ามี)
  • เอกสารรับรองการอยู่ร่วมกัน (เป็นแบบฟอร์มของทางธนาคารที่ให้คู่รัก LGBTQ+ เซ็นเพื่อยืนยันการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน มีเฉพาะบางธนาคารเท่านั้น)
  • ทะเบียนสมรส จากประเทศที่รองรับการจดทะเบียนของ LGBT พร้อมแปลเอกสารเป็นภาษาไทย (ถ้ามี)

โดยเอกสารต่างๆ เหล่านี้ช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ทางธนาคารเห็นว่าคุณทั้ง 2 คน เป็นคู่รักจริงๆ เนื่องจากคู่รัก LGBTQ+ ยังไม่มีใบทะเบียนสมรสออกมาอย่างเป็นทางการนั่นเอง

230520_Content_LGBT-Home-Loan_FB05.png

ถ้าหากผู้กู้ร่วมทั้งสองมีประวัติทางการเงินที่ดี โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ พร้อมวงเงินที่สูงก็จะมีมากขึ้น เพราะสถานะและความมั่นคงทางการเงินของผู้ขอสินเชื่อ เป็นสิ่งที่ธนาคารจะใช้ประกอบในการอนุมัติสินเชื่อ ในทางตรงกันข้าม หากผู้กู้ยังมีประวัติทางการเงินที่ยังไม่ดี เช่น มีภาระหนี้สูง ค้างชำระหนี้เกินกำหนด ติดแบล็คลิสต์ ฯลฯ ก็อาจทำให้การยื่นขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีโอกาสผ่านได้ยาก ดังนั้น การเตรียมเครดิตทางการเงินให้พร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อร่วมกัน มีดังนี้

  • มีวินัยในการชำระหนี้ที่ดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นยอดผ่อนสินค้าต่างๆ ต้องพยายามชำระยอดให้ตรงเวลา
  • จัดเตรียมเอกสารแสดงรายได้ที่ชัดเจน โดยเฉพาะผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ ต้องพยายามเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและทรัพย์สินเอาไว้ รวมถึงมีการออมเงินในระยะยาวเอาไว้ด้วย
  • จัดการความสามารถในการผ่อนชำระให้อยู่ในเกณฑ์ โดยธนาคารจะพิจาณาจากภาระหนี้ที่ผู้กู้ยังมีอยู่ทั้งหมด หากว่าเกิน 30% ของรายได้ ก็อาจจะต้องเคลียร์ภาระหนี้บางส่วนให้ยอดรวมน้อยลงก่อน
  • เพิ่มความน่าเชื่อทางการเงิน ด้วยการเปิดบัญชีเงินฝากร่วมกัน และมีการฝากเงินอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ 

สนใจคอนโดเมเจอร์ฯ ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลและสิทธิพิเศษก่อนใครได้แล้ววันนี้ คลิก https://bit.ly/3qjR1je